อดีตนักเตะเยาวชนปีศาจแดงที่ย้ายไปมีอนาคตสดใสกับทีมในพรีเมียร์ลีก

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงเป็นสโมสรที่รักษาธรรมเนียมการใช้นักเตะเยาวชนเป็นส่วนหนึ่งของทีมได้อย่างต่อเนื่อง โดยทำสถิติส่งนักเตะจากอคาเดมี่ลงสนามในทีมชุดใหญ่ติดต่อกันมากกว่า 4,000 นัด นับตั้งแต่ปี 1937 ซึ่งหลายคนกลายเป็นกำลังหลักของทีม อย่างนักเตะคลาส 92 อันโด่งดัง หรือในทีมชุดปัจจุบันก็มีมาร์คัส แรชฟอร์ด และสก็อต แม็คโทมิเนย์ เป็นขาประจำในตำแหน่งตัวจริง แต่ก็มีนักเตะเยาวชนจำนวนไม่น้อยที่ต้องย้ายออกจากสโมสรไปโดยไม่มีโอกาสได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่สักครั้งทั้งที่มีฝีเท้าดี ซึ่งหลายคนกำลังโลดแล่นอยู่กับทีมในพรีเมียร์ลีกตอนนี้ ทอม ฮีตัน ผู้รักษาประตูชาวอังกฤษ เข้าร่วมทีมเยาวชนปีศาจแดงเมื่อปี 2002 หลังจากนั้นในฤดูกาล 2006-07 เขาก็จะถูกเรียกติดทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกด้วยบทผู้รักษาประตูสำรองของโทมัส คุสแช็ค ในเกมพบกับอาร์เซน่อล ก่อนจะได้รับโอกาสบนซุ้มม้านั่งสำรองอีก 12 ครั้งตลอดระยะเวลา 4 ปี แต่เนื่องจากขณะนั้นทีมมีเอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ และโทมัส คุสแช็ค คอยทำหน้าที่เฝ้าเสาอยู่ ทำให้เขาโอกาสลงสนามไม่เคยหลุดมาถึงมือเขา จนเมื่อหมดสัญญาฮีตันจึงเลือกย้ายไปอยู่กับคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ในลีกแชมเปียนชิพ ฮีตันได้โอกาสลงเล่นในศึกพรีเมียร์ลีกครั้งแรกกับเบิร์นลี่ย์ โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเขาคือฤดูกาล 2016-17 ในเกมที่พบกับทีมเก่า ฮีตันโชว์ซูเปอร์เซฟลูกวอลเลย์จ่อ ๆ ของซลาตัน อิบราฮิโมวิช ทำให้ทีมเดอะคลาเรตส์ยันเสมอปีศาจแดงได้ 0-0 …

แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ผู้นำทีมปีศาจแดงทั้งในสนามและนอกสนาม

แม้จะเพิ่งรับตำแหน่งกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้ไม่นาน แต่แฮร์รี่ แม็คไกวร์ก็ได้แสดงให้เห็นถึงภาวะผู้นำที่มีอยู่เต็มเปี่ยมทั้งในและนอกสนาม โดยหลังจากย้ายมาร่วมทีมด้วยค่าตัวมหาศาลปราการหลังทีมชาติอังกฤษได้ช่วยยกระดับแนวรับปีศาจแดงให้กลับมาแข็งแกร่งในทันที อีกทั้งยังคอยปลุกเร้าลูกทีมทั้งยามลงสนามและในห้องแต่งตัว ล่าสุดในช่วงที่ฟุตบอลถูกล็อคดาวน์ด้วยโรคระบาด แม็คไกวร์ก็ยังแสดงทัศนคติอันมุ่งมั่นที่ทำให้แฟนผีคาดหวังถึงความสำเร็จในพรีเมียร์ลีกได้อีกครั้ง “พวกเราไม่ได้ต้องการแค่ลุ้นพื้นที่ไปแชมเปี้ยนส์ลีก แต่เราต้องการสู้เพื่อเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก” นี่คือคำพูดที่แม็คไกวร์เอ่ยกับสื่อยักษ์ใหญ่ของอังกฤษอย่างสกายสปอร์ต อันแสดงให้เห็นถึงดีเอ็นเอแห่งการเป็นกัปตันทีมปีศาจแดงที่ต้องมองถึงการเป็นแชมป์ในทุกปี แทนที่จะมุ่งหวังแค่ติด Top 4 เท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่พลพรรคเรด อาร์มี่ไม่ได้เห็นมาหลายปีจากผู้ที่เป็นกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงที่แม็คไกวร์ย้ายเข้ามา เป็นเวลาเดียวกับการย้ายออกจากทีมไปของกัปตันวาเลนเซียพอดี ขณะนั้นโอเล่ กุนนาร์ โซชาได้เลือกแอชลีย์ ยัง ที่มีอาวุโสสูงสุดในทีมขึ้นรับตำแหน่งกัปตันทีมคนต่อไป โดยนัดไหนที่กัปตันยังไม่ได้ลงทำหน้าที่ปอกแขนก็จะถูกส่งต่อไปให้นักเตะหลายคน ซึ่งในนั้นมีแม็คไกวร์รวมอยู่ด้วย โดยหลังจากที่กองหลังค่าตัวแพงที่สุดในโลกได้สวมบทกัปตันทีมชั่วคราวครั้งแรก กุนซือชาวนอร์เวย์ได้ให้การชื่นชมว่า “แฮร์รี่มีคุณสมบัติของการเป็นกัปตัน เขาย้ายเข้ามาและทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งในห้องแต่งตัวและในสนาม เขาสามารถเป็นกัปตันทีมในระยะยาวได้” จนกระทั่งเมื่อกัปตันยังตัดสินใจย้ายไปร่วมทีมอินเตอร์ มิลานในช่วงตลาดนักเตะหน้าหนาว กุนซือสายเลือดไวกิ้งได้เลือกให้แม็กไกวร์รับหน้าที่กัปตันทีมคนใหม่ทั้งที่เพิ่งเข้ามาร่วมทีมได้ไม่ถึงปี โดยโซลาได้อธิบายถึงการตัดสินใจเรื่องนี้ไว้ว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างในตัวเขาแสดงให้เห็นว่าเขาคือผู้นำของทีม ดังนั้นแม็คไกวร์จะได้สวมปอกแขนกัปตันทีมตั้งแต่นี้เป็นต้นไป” ซึ่งหลังจากรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ปราการหลังจอมแกร่งก็ฉายแววการเป็นผู้นำทีมสู่ชัยชนะทันที โดยคอยสั่งการและกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมตลอดทั้งเกม แถมยังขึ้นมาทำประตูให้ทีมได้อีกด้วย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดห่างหายจากการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกมาแล้วถึง 7 ฤดูกาล ถือเป็นช่วงเวลายาวนานที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งลีกมา โดยกัปตันทีมคนสุดท้ายที่นำขุนพลปีศาจแดงชูถ้วยแชมป์คือ เนมานย่า วิดิช ในฤดูกาลสุดท้ายของการเป็นเป็นกุนซือของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน การแต่งตั้งแม็คไกวร์เป็นกัปตันทีมถือเป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมของโซลชา หลายครั้งที่กัปตันแม็คไกวร์แสดงออกให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเป็นผู้ชนะ …