นับตั้งแต่มิโรสลาฟ โคลเซ่ อำลาทีมชาติเยอรมันไปหลังจากพาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2014 อย่างยิ่งใหญ่ที่ประเทศบราซิล กองทัพอินทรีเหล็กก็ยังไม่อาจหาใครขึ้นมารับหน้าที่กองหน้าตัวเป้าคอยผลิตสกอร์อย่างเป็นกอบเป็นกำได้อีกเลย ไม่ว่าจะเป็นมาริโอ เกิทเซ่, มาริโอ โกเมซ, เควิน วอลแลน หรือซานโดร วากเนอร์ ล้วนเป็นศูนย์หน้าที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป จนกระทั่งมาถึงยุคของ ติโม แวร์เนอร์ กองทัพอินทรีเหล็กจึงมีความหวังในการยิงประตูขึ้นมาอีกครั้ง
ติโม แวร์เนอร์ ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์หน้าที่เปี่ยมไปด้วยสัญชาตญาณของเพชฌฆาต เขามีทั้งความเร็ว ความคมในการจบสกอร์ แถมยังหาพื้นที่ว่างได้เก่ง และมักจะพาตัวเองไปอยู่ถูกที่ถูกเวลาเสมอ ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดหายไปจากศูนย์หน้าทีมชาติเยอรมันคนอื่น กองหน้าจากเมืองสตุ๊ดการ์ทถูกเรียกตัวติดทีมชาติเยอรมันระดับเยาวชนตั้งแต่ชุดอายุต่ำกว่า 15 ปี ไปจนถึงชุดอายุต่ำกว่า 21 ปี โดยยิงประตูไปทั้งสิ้น 34 ประตู จาก 48 นัด จนกระทั่งในปี 2017 เขาจึงได้รับโอกาสประเดิมสนามให้กับทีมชาติเยอรมันชุดใหญ่ในเกมกระชับมิตรกับทีมชาติอังกฤษด้วยการลงเป็นตัวจริง จากนั้นแวร์เนอร์ก็กลายเป็นศูนย์หน้าตัวหลักของทีมชาติเยอรมันด้วยวัยเพียง 20 ปี และเพียงปีแรกกองหน้าดาวรุ่งก็พาทีมชาติเยอรมันคว้าแชมป์ฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพได้สำเร็จ โดยแวร์เนอร์ยิงไปทั้งหมด 3 ประตู ครองตำแหน่งดาวซัลโวร่วมประจำทัวร์นาเมนต์ น่าเสียดายที่ปีถัดมาในศึกฟุตบอลโลก 2018 แวร์เนอร์กลับหลุดฟอร์มยิงไม่ได้สักประตู จนเป็นผลให้ทีมชาติเยอรมันต้องม้วนเสื่อกลับบ้านเพียงรอบแบ่งกลุ่ม นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1938
ปัจจุบันศูนย์หน้าเมืองเบียร์เล่นให้กับทีมแอร์เบ ไลป์ซิก ในศึกบุนเดสลีกา โดยตลอด 4 ฤดูกาลที่ผ่านมาเขายิงให้ต้นสังกัดไปแล้ว 88 ประตู หากนับเฉพาะฤดูกาล 2019-20 ดาวยิงทีมชาติเยอรมันสังหารไปแล้ว 27 ประตู จากการลงสนามทุกรายการ 36 นัด ซึ่งแวร์เนอร์ไม่ได้เป็นแค่จอมถล่มประตูเท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างสรรค์โอกาสทำประตูให้เพื่อนร่วมทีมได้อีกด้วยจากการเก็บไป 12 แอสซิสต์ แถมในเกมพบกับไมนซ์เขายังยิง 3 จ่าย 3 ช่วยให้ไลป์ซิกเอาชนะไปอย่างท้วมท้น 8-0
ด้วยฟอร์มอันโดดเด่นกับไลป์ซิกทำให้มีหลายสโมสรยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรปต้องการได้ตัวดาวยิงทีมอินทรีเหล็กไปร่วมทีม แต่ทีมที่ดูจะมีภาษีดีที่สุดคงจะเป็นลิเวอร์พูลภายใต้การบังคับบัญชาของเจอร์เก้น คล็อปป์ ซึ่งตัวของแวร์เนอร์นั้นชื่นชอบการคุมทีมของเทรนเนอร์ชาวเยอรมันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งหากแวร์เนอร์ได้รับการเคี่ยวกรำจากคล็อปป์อย่างใกล้ชิดจช่วยทำให้เขามีโอกาสก้าวไปเป็นศูนย์หน้าระดับโลกเช่นเดียวกับโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ศิษย์ก้นกุฏิเมื่อสมัยคุมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ซึ่งจะส่งผลดีต่อทั้งตัวแวร์เนอร์และทีมชาติเยอรมันนั้นเอง
เครดิตภาพ: https://www.thisisanfield.com/wp-content/uploads/2018-06-17-175-Germany_Mexico.jpg